Tikky.xyz

ก็แค่พื้นที่ของฉันเท่านั้นเอง

REST API กับ RESTful API ต่างกันอย่างไร?

REST API กับ RESTful API ต่างกันอย่างไร?
Spread the love

เข้าใจคำศัพท์ให้ชัด ก่อนสร้างระบบ API ที่ดี

ในโลกของการพัฒนาเว็บแอปพลิเคชันและระบบซอฟต์แวร์สมัยใหม่ เรามักจะได้ยินคำว่า “REST API” และ “RESTful API” บ่อยครั้งจนดูเหมือนใช้แทนกันได้ แต่จริง ๆ แล้วคำสองคำนี้มีความหมายที่แตกต่างกันเล็กน้อยในเชิงแนวคิด ถึงแม้ในทางปฏิบัติจะมีการใช้ปะปนกันก็ตาม

บทความนี้จะอธิบายความแตกต่างและความเหมือนของ REST API และ RESTful API แบบชัดเจน พร้อมตัวอย่างง่าย ๆ เพื่อให้ทั้งมือใหม่และมืออาชีพเข้าใจตรงกันก่อนเริ่มพัฒนา


📌 คำจำกัดความพื้นฐาน

1. REST คืออะไร?

REST (Representational State Transfer) คือ สถาปัตยกรรม (Architectural Style) สำหรับการสื่อสารระหว่างระบบคอมพิวเตอร์ผ่านเครือข่าย เช่น อินเทอร์เน็ต โดยมีหลักสำคัญ 6 ข้อที่ระบบต้องยึดถือจึงจะเรียกว่า “RESTful”

หลักการสำคัญของ REST เช่น:

  • Stateless (ไร้สถานะ)
  • Uniform Interface (มีรูปแบบที่สม่ำเสมอ)
  • Client-Server (แยกฝั่ง client กับ server)
  • Cacheable (รองรับการแคช)
  • Layered System (แยกชั้นการทำงาน)
  • Code on Demand (เสริมด้วยโค้ดฝั่ง client ได้)

REST ถูกนำเสนอครั้งแรกในวิทยานิพนธ์ของ Roy Fielding หนึ่งในผู้พัฒนา HTTP โดยมีจุดประสงค์เพื่อสร้างรูปแบบการสื่อสารระหว่างระบบที่มีมาตรฐาน ชัดเจน และยืดหยุ่น


2. REST API คืออะไร?

REST API (หรือเรียกเต็ม ๆ ว่า “REST-based API”) คือ Application Programming Interface (API) ที่ใช้หลักการของ REST ในการออกแบบ เช่น ใช้ HTTP methods (GET, POST, PUT, DELETE) และ URL ในการสื่อสารกับข้อมูล เช่น:

GET /users        => ดึงผู้ใช้ทั้งหมด  
GET /users/1      => ดึงผู้ใช้ ID = 1  
POST /users       => เพิ่มผู้ใช้ใหม่  
PUT /users/1      => แก้ไขข้อมูล  
DELETE /users/1   => ลบผู้ใช้

แต่บางครั้ง REST API อาจละเลยหลักบางข้อของ REST เช่น ไม่มีการจัดการแคช หรือ API ที่เก็บสถานะไว้ในฝั่งเซิร์ฟเวอร์ ซึ่งไม่สอดคล้องกับแนวคิด REST แท้ ๆ

3. RESTful API คืออะไร?

RESTful API คือ REST API ที่ยึดตามหลักการของ REST อย่างครบถ้วน หรือใกล้เคียงที่สุดเท่าที่จะทำได้ กล่าวคือ เป็น API ที่ออกแบบให้ “ถูกต้องตามหลัก REST” มากที่สุด เช่น:

  • ใช้ URL ที่เป็น Resource แท้จริง เช่น /users/123, ไม่ใช่ /getUser?id=123
  • ใช้ HTTP Method ให้ตรงกับการกระทำ
  • ไม่มีสถานะเก็บฝั่งเซิร์ฟเวอร์ (stateless)
  • สามารถแคชได้ (Cacheable)
  • มีโครงสร้างแยกฝั่ง Client และ Server

🔍 สรุปความเหมือน และความแตกต่าง

หัวข้อREST APIRESTful API
ความหมายAPI ที่ใช้แนวคิด RESTAPI ที่ออกแบบให้เป็นไปตามแนวทาง REST อย่างแท้จริง
ข้อบังคับอาจยืดหยุ่น ไม่ยึดหลัก REST ทุกข้อยึดหลัก REST 6 ข้อโดยเคร่งครัด
โครงสร้าง URLอาจไม่ใช่ Resource แท้ เช่น /getUser.phpต้องใช้รูปแบบ Resource เช่น /users/1
Statelessไม่จำเป็นต้อง stateless เสมอไปต้องเป็น stateless เท่านั้น
การแคชไม่บังคับรองรับการแคชเสมอ
ใช้งานจริงพบมากในระบบทั่วไปใช้ในระบบที่ต้องการมาตรฐานสูง เช่น microservices

🎯 ยกตัวอย่างเพื่อให้เห็นภาพ

ตัวอย่าง API ที่ไม่ RESTful (แต่ก็เรียกว่า REST API ได้)

POST /getUserById.php?id=1
  • ใช้ POST แต่แค่ดึงข้อมูล
  • URL ไม่ใช่ Resource
  • ไม่ stateless เพราะบางครั้งใช้ session ฝั่ง server

ตัวอย่าง RESTful API

GET /users/1
  • ใช้ GET เพื่อดึงข้อมูล
  • /users/1 คือ Resource ชัดเจน
  • stateless, client ส่ง token ทุกครั้ง

🤔 แล้วควรใช้คำไหน?

ในทางปฏิบัติ คำว่า REST API และ RESTful API มักถูกใช้แทนกันได้ และหลายคนใช้สลับกันโดยไม่แบ่งแยก อย่างไรก็ตาม หากต้องการความแม่นยำ:

  • ใช้คำว่า REST API เมื่อ API นั้นมีการใช้หลักการ REST บางส่วน
  • ใช้คำว่า RESTful API เมื่อ API ถูกออกแบบให้เป็นไปตามหลัก REST อย่างครบถ้วน

🧠 แล้วทำไมเรื่องนี้ถึงสำคัญ?

  • สำหรับ นักพัฒนา ที่ต้องเขียน API เพื่อให้ระบบอื่นเรียกใช้งาน การเข้าใจว่า API ที่เราออกแบบนั้น RESTful จริงหรือไม่ ช่วยให้ API ใช้ง่าย ยืดหยุ่น และดูแลรักษาได้ง่าย
  • สำหรับ ผู้เรียนใหม่ การเข้าใจคำศัพท์อย่างถูกต้องตั้งแต่ต้นจะช่วยให้ไม่สับสนในภายหลัง
  • สำหรับ สถาปนิกระบบ (System Architect) การยึดแนวทาง RESTful ช่วยให้ระบบเติบโตได้ในระยะยาว รองรับการขยาย เช่น microservices หรือระบบ Cloud

✍️ บทส่งท้าย

REST API และ RESTful API มีความคล้ายกันมาก จนหลายคนเข้าใจว่าเหมือนกัน แต่ในเชิงแนวคิดนั้นแตกต่างกัน RESTful API คือการทำตามแนวทาง REST อย่างครบถ้วน ในขณะที่ REST API อาจใช้เพียงบางส่วนเท่านั้น

แม้ว่าในโลกความจริงเรามักจะใช้คำว่า REST API กันโดยทั่วไป แต่อย่างน้อย การเข้าใจความแตกต่างนี้จะช่วยให้เราพัฒนา API ได้อย่างมีมาตรฐาน และพร้อมสำหรับการขยายในอนาคต

Loading

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *