โรคเก๊า (Gout) เป็นโรคที่เกี่ยวกับภูมิคุ้มกันที่ผิดปกติ ซึ่งส่งผลให้เกิดการสะสมของกรดยูริกในร่างกาย ซึ่งกรดยูริกเป็นผลของการย่อยสลายของสารตะกั่วซึ่งเกิดขึ้นเมื่อร่างกายย่อยสลายพรอทีน ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของอาหารที่บริโภค เมื่อกรดยูริกสะสมมากเกินไปจะทำให้เกิดอาการอักเสบและอาการปวดเฉพาะในข้อ โรคนี้ส่วนใหญ่พบได้ในคนที่มีอายุกว่า 40 ปีขึ้นไปและมักพบมากขึ้นในผู้ชาย
สาเหตุ
สาเหตุหลักของโรคเก๊าคือการสะสมของกรดยูริกในเลือด ซึ่งอาจเกิดจากปัจจัยหลายอย่าง เช่น:
- การบริโภคอาหารที่มีปริมาณพรอทีนสูง เช่น เนื้อสัตว์ที่มีไขมันสูง อาหารหรือเครื่องดื่มที่มีน้ำตาลหรือแป้งสูง เช่น เบียร์และเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์
- การดื่มแอลกอฮอล์มากเกินไป
- โรคที่ทำให้มีการปลดปล่อยกรดยูริกมากขึ้น เช่น โรคไตวายเรื้อรัง หรือโรคตับ
- การใช้ยาบางชนิด เช่น ยาลดคอเลสเตอรอลหรือยาลดแรงดันโลหิต ที่อาจส่งผลให้เกิดการสะสมของกรดยูริกในร่างกาย
อาการ
- อาการปวดที่ข้อ บ่องตาของมือ ข้อบ่องตาเท้า หรือข้ออื่น ๆ
- บวมแดงและร้อน โดยอาจมีอาการเพิ่มขึ้นเมื่อมีการสัมผัสหรือเคลื่อนไหว
- อาการปวดเฉพาะที่จะมีอาการรุนแรงขึ้นในช่วงดึกถึงกลางคืน
การวินิจฉัย
แพทย์อาจใช้วิธีตรวจการตรวจวินิจฉัยโรคเก๊าได้แก่:
- การทำการตรวจเลือดเพื่อวัดระดับกรดยูริก
- การฉีดสารหรือการตรวจเลือดที่มีเซียมในเลือดเพื่อตรวจวินิจฉัยโรคเก๊า
- การรังสีเพื่อตรวจเช่น การซีแอ็กซ์เรย์ หรือการทำพรอทีนกราม
การรักษา
การรักษาโรคเก๊าจะมุ่งเน้นที่การบริหารจัดการอาหารและการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรม รวมถึงการใช้ยาเพื่อลดการสะสมของกรดยูริก โดยสามารถรวมถึง:
- การลดปริมาณอาหารที่มีพรอทีนสูง เช่น เนื้อสัตว์ที่มีไขมันสูง อาหารหรือเครื่องดื่มที่มีน้ำตาลหรือแป้งสูง เช่น เบียร์และเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์
- การดื่มน้ำมากๆ เพื่อช่วยลดการสะสมของกรดยูริกในร่างกาย
- การใช้ยาต้านการสะสมของกรดยู